วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค


เนื่องในวันที่ ๑๖ กรกฏาคม ๒๕๕๓ ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อปาน โสนันโทเถระ จึงขอนำประวัติของหลวงพ่อปาน ซึ่งพระมหาวีระ ถาวโร หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้เล่าไว้ในหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน มาให้อ่านกัน

     เพื่อร่วมกันน้อมระลึกในพระคุณอันยิ่งใหญ่ ของหลวงพ่อท่าน ที่มีต่อพระพุทธศาสนา และศิษยานุศิษย์ วัดบางนมโค

     วัดบางนมโคนี้ สร้างขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่ปรากฏ บางท่านก็ว่า มีในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เดิมชื่อ วัดนมโค ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ ในคราวที่ควันแห่งศึกสงครามกำลังรุมล้อมกรุงศรีอยุธยา พม่าข้าศึกได้มาตั้งค่ายหนึ่งขึ้นที่ตำบลสีกุก ห่างจากวัดบางนมโค ซึ่งย่านวัดบางนมโคนี้มีการเลี้ยงวัวมากกว่าที่อื่น พม่าก็ได้ถือโอกาสมากวาดต้อนเอาวัวควายจากย่านบางนมโคไปเป็นเสบียงเลี้ยงกองทัพ ในที่สุดกรุงศรีอยุธยาก็เสียแก่พม่า บ้านเมืองระส่ำระสาย วัดบางนมโค จึงทรุดโทรมไปบ้างตามกาลเวลา ต่อมาก็ได้มีการซ่อมแซมขึ้นใหม่ ก็ยังมีการเลี้ยงโคกันอยู่อีกมากมาย ชาวบ้านจึงเรียกติดปากว่า วัดบางนมโค

     อาณาเขตของวัดบางนมโค วัดบางนมโคมีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๔ ไร่ ๒๑ วา ๓ งาน ทิศตะวันออกจดที่ดินเลขที่ ๑๖๓ ทางสาธารณะประโยชน์ ทิศตะวันตกจดที่มีการครอบครองแม่น้ำปลายนา ทิศเหนือจดที่ดินเลขที่ ๑๓๔ มีการครอบครองแม่น้ำเก่าปลายนา ทิศใต้จดที่ดินเลขที่ ๑๖๒, ๑๖๓, ๑๖๕ ทางสาธารณะประโยชน์

     ลำดับเจ้าอาวาสวัดบางนมโค เจ้าอาวาสวัดบางนมโค จะมีกี่รูปไม่ปรากฏ หลักฐานแน่ชัด เริ่มจะมีการบันทึกเป็นหลักฐานก็ตั้งแต่ ๑.เจ้าอธิการคล้าย ๒.พระอธิการเย็น สุนทรวงษ์ มรณภาพ ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ ๓.ท่านพระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน) โสนันโท รับตำแหน่งเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ มีโอกาสได้เป็นเจ้าอาวาสได้เพียง ๒ ปี ก็มรณภาพลง เมื่อวันที่ ๒๖ ก.ค.๒๔๘๑ ๔.พระอธิการเล็ก เกสโร ๕.พระอธิการเจิม เกสโร ๖.พระมหาวีระ ถาวโร (ฤาษีลิงดำ) ๗.พระอาจารย์อำไพ อุปเสโน ๘.พระครูวิหารกิจจานุยุต (อุไร กิตติสาร) ได้รับการอาราธนามาเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๓ ประวัติ พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน โสนันโทเถระ)

     ชาติภูมิ ของหลวงพ่อปาน ท่านได้ถือกำเนิดที่ย่านวัดบางนมโค เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๔๑๘ โยมบิดาชื่อ อาจ โยมมารดาชื่อ อิ่ม นามสกุล สุทธาวงศ์ โดยอาชีพทางครองครัว คือ ทำนา สาเหตุที่โยมบิดาขนานนามท่านว่า “ปาน” เนื่องจากท่านมีสัญลักษณ์ประจำตัวคือปานแดงอยู่ที่นิ้วก้อยมือซ้าย ตั้งแต่โคนนิ้วถึงปายนิ้วคล้ายปลอกนิ้ว

     หลวงพ่อปานในวัยเด็ก พระมหาวีระ ถาวโร หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้เล่าไว้ในหนังสือประวัติหลวงพ่อปานว่า “…ท่าน (หลวงพ่อปาน) บอกว่า สมัยท่านเป็นเด็กอายุสัก ๓-๔ ขวบ ท่านวิ่งเล่นใต้ถุนบ้าน หลวงพ่อปาน ท่านเป็นคนบางนมโค และเป็นคนตำบลนั้น ไม่ใช่คนที่อื่น เป็นคนที่มีฐานะค่อนข้างจะมั่งคั่งอยู่สักหน่อย สมัยนั้นเขามีทาสกัน ที่บ้านท่านก็มีทาส ท่านบอกว่า ท่านวิ่งเล่น อยู่ใต้ถุนบ้านย่าของท่าน ก็ปรากฏว่าย่าของท่านกำลังป่วยหนัก ใกล้จะตาย เวลานั้นก็เห็นจะเป็นเวลาบ่ายสัก ๒-๓ โมงกว่า ท่านว่าอย่างนั้นโดยประมาณ คนทุกคนเขามาเยี่ยมย่า พ่อแม่ของท่านก็ไป เมื่อคนทุกคนขึ้นไปแล้ว ท่านบอก เห็นร้องดังๆ บอก แม่ แม่ อรหันนะ อรหัน ภาวนาไว้ อรหัน พระอรหัน จะช่วยแม่ ก็ร้องกันเสียงดังๆ ท่านอยู่ใต้ถุน ท่านยืนฟัง เขาว่าอรหันกันทำไม พอท่านสงสัยก็ย่องขึ้นไปที่หน้าบันไดชานเรือน พอท่านขึ้นไปแล้วก็ปรากฏว่า ผู้อยู่เขาเอาปากกรอกไปที่ข้างหูของคุณย่าท่าน บอกแม่ แม่ อรหันนะ อรหัน แต่ว่าพอผู้ใหญ่เขามองเห็นท่านเข้าไป เขาก็ไล่ท่านไป เขาจะหาว่าไอ้เจ้าเด็กมันรุ่มร่าม ท่านก็เลยไปเล่นใต้ถุนบ้านอื่น พอมาถึงตอนเย็น เวลากินข้าว ท่านแม่ก็ป่าวหมู่เทวฤทธิ์คือเรียกลูกกินข้าว เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้วท่านแม่ก็จัดกับข้าวมาวางกลาง สำหรับตัวท่านเองเป็นเด็ก เขาเอาข้าวใส่จานมาให้แล้วเอาแกงเผ็ด ท่านบอกว่า ไอ้แกงฉู่ฉี่แห้ง ท่านชอบ เขาใส่มาให้ เรียกว่า ไม่ต้องหยิบกับข้าว กินแบบประเภทข้าวราดแกง เวลาที่ท่านกินเข้าไปแล้วมานั่งนึกว่า กับข้าวมันอร่อยถูกใจ ก็เกิดความชุ่มชื่น พอจิตมันนึกขึ้นได้ว่าเขาบอก อรหัง อรหัง นึกถึงคำว่า อรหัง ขึ้นมาได้ ท่านก็เลยปลื้มใจอย่างไรชอบกล เลยเปล่งวาจาออกมาดังๆว่า อรหัง อรหัง ว่า ๒-๓ คำ ท่านแม่ที่มองตาแป๋วลุกพรวด จับชามข้าวที่ท่านถืออยู่วางไว้ จับตัวท่านวางปังออกไปนอกชาน แล้วร้องตะโกน “เอ้า มึงจะตายโหง ตายห่าก็ตายคนเดียว มันจะมาว่า อรหัง ที่นี่ได้รึ? คำว่า อรหัง พุทโธ นี่คนเขาจะตายเท่านั้นแหละเขาว่ากัน นี่ดันมาว่า อรหัง ที่นี่ ทำเป็นลางร้ายให้คนอื่นเขาพลอยตายด้วย” ท่านแปลกใจ คิดว่า นี่เราว่าดีๆ นี่แม่ดุเสียงเขียวปัด นี่มันเรื่องอะไรกัน ในเมื่อถูกแม่ดุอย่างนั้น จะขืนว่าอีกก็เกรงไม้เรียว ก็เลยไม่ว่า พอท่านพูดถึงตอนนี้แล้ว ท่านก็หัวเราะบอกว่า “คุณแม่ฉันน่ะโง่นะ ไม่ได้ฉลาดหรอก อีตอนใหม่นั้น ตอนฉันมาบวชได้แล้ว อรหังหรือพุทโธนี้ ถ้าใครภาวนาไว้ เป็นวาจาที่กล่าวถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้า และพระอริยสงฆ์ทั้งหมด ถ้าใครภาวนาคำนี้ได้ตกนรกไม่ได้… แต่ว่าแม่ของฉัน นี่ท่านไม่รู้ ก็เป็นโทษเพราะไม่ได้รับการศึกษา แต่ว่าไม่เป็นหรอก ตอนหลังที่ฉันบวชแล้วนี่นะ ฉันกลับใจแม่ของฉันได้ ฉันแนะนำให้ท่านทราบแล้ว เวลาท่านตายท่านก็ยึดพุทโธ อรหังเป็นอารมณ์ แต่ไม่ได้ยึดเวลาตาย ฉันให้ท่านว่าทุกวัน….” สมัยก่อน เมื่อลูกชายมีอายุครบบวช ก็จะทำการอุปสมบท ทางบิดามารดาจะต้องส่งบุตรของตนไปอยู่วัดเพื่อรับการอบรม และท่องขานนาคเป็นเวลาประมาณ ๓ เดือน เป็นอย่างน้อย ท่านเองมีความสงสัยในใจว่า เหตุไฉนสตรีเพศจึงดึงดูดบุรุษเพศมากมายนัก ทำให้หลงใหลใฝ่ฝัน ตัวท่านเองก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงมาก่อน จึงคิดว่าจะหาวิธีลองของจริงดูว่าเป็นอย่างไร ถ้าดีจริงบวชครบพรรษาจะสึกออกมา ถ้าไม่เป็นจริงตามวิสัยโลกก็จะไม่สึก ที่บ้านของท่านมีคนรับใช้อยู่คนหนึ่งเรียกกันว่าทาส ชื่อว่าพี่เขียว อายุประมาณ ๒๕ ปี ตอนกลางวันอยู่ด้วยกันสองคน ท่านเกิดสงสัยเนื้อผู้หญิงขึ้นมา บอกว่าตั้งแต่เกิดมานอกจากเนื้อแม่กับเนื้อพี่แล้ว ไม่เคยจับเนื้อใคร ท่านคิดว่าเนื้อผู้หญิงมันดียังไงผู้ชายถึงได้อยากกันนัก บางทีถึงกับฆ่ากันเลย ก็สงสัยว่าจะบวชแล้วนี่ ถ้ามันดีจริงแล้วก็จะสึก ถ้าไม่ดีก็จะไม่สึกละ เมื่อคนว่างก็เข้าไปหาพี่เขียว พี่เขียวแกอยู่ในครัว เป็นทาส แต่ว่าท่านเรียกพี่ในฐานะที่เขาแก่กว่าตัว ยกมือไหว้ บอกว่า “พี่เขียว ขออภัยเถอะ ฉันขอจับเนื้อพี่เขียวดูหน่อยได้ไหมว่า เนื้อผู้หญิงน่ะมันดียังไง เขาถึงชอบกันนัก” พี่เขียวก็แสนดี อนุญาต ท่านก็เลือกจับเนื้อกล้าม เขาเรียกว่า กล้ามเนื้อที่หน้าอก ผู้หญิงนี้มีกล้ามเนื้อพิเศษ อยู่ที่กล้ามเนื้อ ๒ กล้ามที่หน้าอก แต่ไม่ได้จับมากหรอก จับตรงนั้น แต่ก็ไม่ได้ลวนลามไปถึงไหน จับๆ แล้วก็มาจับน่อง เอ๊! มันคล้ายกัน บอกพี่เขียวว่านี่มันคล้ายกันนี่ พี่เขียวแกก็บอกว่าเป็นอย่างนั้นมันก็คล้ายกัน แล้วท่านก็ถามพี่เขียวว่า ทำไมผู้ชายเขาถึงชอบเนื้อผู้หญิงนัก ดันไปถามผู้หญิงได้ นี่ว่ากันอย่างเราๆนะ แล้วเขาจะตอบอย่างไร เขาก็บอกไม่รู้เหมือนกัน แล้วท่านก็ยกมือไหว้ขอขมาพี่เขียวบอกว่า “ขอโทษ ที่ขอจับเนื้อนี่ไม่ได้ดูถูกดูหมิ่น อยากจะพิสูจน์เท่านั้นว่ามันดีอย่างไร” เมื่อท่านหมดความสงสัยในใจแล้ว ก็ตกลงใจว่าจะบวช คราวนี้จะไม่ขอสึกหาลาเพศ ก็สมจริงกับที่ท่านตั้งใจทุกประการ

     สู่ร่มกาสาวพัสตร์ หลังจากที่โยมมารดาบิดาได้นำท่านมาฝากไว้กับหลวงปู่คล้าย ให้ฝึกหัดขานนาคให้คล่องแคล่วแล้ว ท่านก็ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดบางนมโค เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๘ ตรงกับวันจันทร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะแม โดยมี หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์จ้อย วัดบ้านแพ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์อุ่ม วัดสุธาโภชน์ เป็นอนุสาวนาจารย์ มีฉายาว่า “โสนันโท” หลวงพ่อปานเรียนวิชา หลังจากที่ได้อุปสมบทแล้ว หลวงพ่อปานท่านก็ได้ติดตามพระอุปัชฌาย์ คือ หลวงพ่อสุ่น ด้วยความสนใจใคร่ศึกษา เพราะว่าในสมัยนั้น หลวงพ่อสุ่นท่านเป็นพระที่แก่กล้าทางคาถาอาคม และรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อตามไปเล่าเรียนเป็นศิษย์แล้ว หลวงพ่อสุ่นเห็นลักษณะของหลวงพ่อปานว่ามีลักษณะดี จะได้เป็นครูบาอาจารย์ต่อไปภายภาคหน้า จึงได้ให้สติหลวงพ่อปานเบื้องต้นในการเบื่อหน่ายกิเลสว่า
๑.อย่าอยากรวย อยากมีลาภ ได้ทรัพย์มาแล้วดีใจ ตั้งหน้าสะสมทรัพย์
๒.เป็นอย่างต้นแล้ว เมื่อทรัพย์หมดก็เป็นเหตุให้เสียใจ
๓.อยากมียศฐาบรรดาศักดิ์ ได้ยศมาแล้วปลื้มใจ
๔.เมื่อหมดยศไปแล้วก็เสียใจ
๕.ได้รับคำสรรเสริญแล้วยินดี
๖.เมื่อถูกนินทาก็ไม่พอใจ
๗.มีความสุขความเพลิดเพลินในกามารมณ์
๘.เมื่อมีความทุกข์ก็หวั่นไหวท้อแท้ใจ
     จากเพศฆราวาสมาสู่เพศบรรพชิตแล้วอย่าหวังรวย ถ้ารวยแล้วไม่ใช่พระ พระต้องรวยด้วยบุญญาบารมี เงินที่ได้มาอย่าติด จงทำสาธารณประโยชน์เสียให้สิ้น เหลือกินเหลือใช้แต่พอเลี้ยงอาตมา

อย่าหวังในยศ ถ้าหลีกเลี่ยงไม่รับยศไม่ได้แล้ว ก็อย่าเมายศฐาบรรดาศักดิ์ มันเป็นเครื่องถ่วงกิเลส ยศ ลาภ สรรเสริญ ความสุขในกามารมณ์ มันเป็นตัวกิเลส มันเป็นโลกธรรม ต้องตัดออกให้หมด ถ้าพอใจในสี่สิ่งนี้ก็ไม่ใช่พระ จะพาให้สู่ห้วงนรก

จงระลึกอยู่เสมอว่า เราบวชเพื่อนิพพาน อย่างที่กล่าวในตอนขออุปสมบทครั้งแรกว่า“นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ เอตัง กาสาวัง คะเหตะวา” อันหมายความว่า เราขอรับผ้ากาสาวพัสตร์เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน จากนั้นหลวงพ่อสุ่นก็สั่งให้ท่องสวดมนต์ตลอดจนคาถาธาตุทั้งสี่ คือ นะ มะ พะ ทะ ให้ว่าถอยหลังแล้วเป่า ให้กุญแจหลุด ถ้าเจ้าเป่าหลุดแล้วบอกพ่อ จะให้วิชาต่างๆ ให้หมดไม่ปิดบัง

นี่คือการฝึกสมาธิจิตที่หลวงพ่อสุ่นสอนหลวงพ่อปานทางอ้อม คือถ้าจิตไม่มีสมาธิแล้วอย่าหวังเลยว่า ด้วยคาถาเพียงสี่ตัวจะดีกว่าลูกกุญแจได้ หลวงพ่อปานท่านก็มีความอดทน หมั่นฝึกเป่ากุญแจนานเป็นเดือน เป่าเท่าไหร่ก็ไม่หลุด มาหลุดเอาตอนที่ท่านทำใจสบายเป็นสมาธิ นึกถึงคาถาเป่ากุญแจได้ จึงลุกขึ้นมาเป่ากุญแจ คราวนี้กุญแจหลุดหมด ทดลองกับลูกอื่นๆ ก็หลุด เพิ่มกุญแจขึ้นเรื่อยๆ จนถึง ๔๐ ดอก แขวนไว้บนราว ก็หลุดหมด แล้วจึงทดลองให้หลวงพ่อสุ่นดูจนพอใจ หลังจากนั้นหลวงพ่อสุ่นก็สอนวิปัสสนาให้แก่หลวงพ่อปาน ตั้งแต่ชั้นต้นจนถึงที่สุด ด้วยความเมตตาหลวงพ่อปาน ในตอนท้ายว่า เมื่อมีฤทธิ์แล้วอย่าแสดงให้คนอื่นเขาเห็นเป็นการอวดดี จะเป็นโทษตามที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ จบจากวิปัสสนาแล้วหลวงพ่อสุ่นยังได้ถ่ายทอดวิชาแพทย์แผนโบราณให้ ซึ่งหลวงพ่อปานก็ได้อาศัยใช้ช่วยชีวิตผู้ได้รับทุกข์ทรมานให้หายมามากต่อมาก จนท่านได้ชื่อว่าเป็น “พระหมอ” หลวงพ่อสุ่น สอนว่า “การเป็นหมอนั้น บังคับไม่ให้คนไม่ตายไม่ได้ หมอเป็นเพียงช่วยระงับทุกข์เวทนาเท่านั้น” จากนั้นหลวงพ่อสุ่นก็ถ่ายทอดกสิณต่างๆ ให้หลวงพ่อปานจนกระทั่งสิ้นความรู้

หนังสือรวบรวม วัตถุมงคลหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค


ท่านมรณภาพวันที่ 26 กรกฏาคม 2481 รวมสิริอายุ 63 ปี 43 พรรษา
*** หนังสือแนะนำ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
http://bookshopthai.lnwshop.com/category/2/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0-amulet-book
*** รวบรวมบทความ หนังสือพระเครื่อง
 http://bookshopamulet.blogspot.com/


วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558


พระหลวงพ่อทวด รุ่น หลังเตารีด ปี 2505 พิมพ์ใหญ่  A



* พระหลวงพ่อทวด รุ่นหลังเตารีด ปี 2505 ซึ่งเป็นพระหล่อโบราณ ต้องเน้นพิจารณาผิวพระอันเกิดจากขบวนการหล่อสร้างเป็นสำคัญ ดูผิวสีสันวรรณะ คราบดินเบ้าที่ถูกความร้อนแผดเผาจนสุกฟู บางองค์อาจมีเม็ดกรวดเล็กๆ ฝังในชั้นผิว (ติดมากับดินเบ้าแล้วหลอมฝังในเนี้อพระขณะทำการหล่อ) ตามซอกร่องมีขี้ตะกรันหรือตะกอนกากโลหะที่หลอมเหลวไม่หมดติดอยู่ พระรุ่นนี้ยังผ่านการใช้น้ำยาชุบผิว เรียกว่า น้ำยาดำ (แบบเดียวกับพระกริ่งหน้าอินเดีย วัดสุทัศน์ฯ) ซึ่งคราบน้ำยาต้องแห้งเก่า เพราะอายุพระถึงตอนนี้เกือบ 60 ปี
     องค์ที่เห็นนี้เป็นสถาพผิวเดิมๆ เจ้าของพระไปรับมาจากวัดหลังเสร็จพิธีใหม่ๆ รับมาแล้วเก็บรักษาไว้อย่างดีเรียกได้ว่า เป็นพระเก่าเก็บตัวจริงจะเห็นผิวแห้งดำเนียนตลอดทั้งองค์ แทบไม่มีจุดลอกเปิด จึงไม่ต้องกังวลว่ารายละเอียดในพิมพ์จะไม่คงความคมชัดเต็มพิกัด องค์นี้เหมาะสำหรับใช้ศึกษาเป็น องค์ครู  ง่ายต่อการพิจารณาให้ติดตาทั้งผิวและพิมพ์.

     องค์นี้เป็นพระหลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ A “ ซึ่งมีหน้าตาและริ้วจีวรต่างจากพิมพ์ใหญ่ Bและ C  เปรียบไปก็เหมือนพี่น้องท้องเดียวกัน มีโครงหน้ารูปร่างคล้ายกันแต่หน้าตาไม่เหมือนกันทีเดียว ยังแยกได้ว่าใครพี่ใครน้อง
     พิมพ์ใหญ่ A ไม่ได้มีบล็อกแม่พิมพ์เพียงตัวเดียว ในการหล่อสร้างพระจำนวนนับหมื่นองค์ผู้สร้างย่อมต้องถอดแม่พิมพ์เตรียมไว้หลายๆ ตัว ปัจจุบันยังไม่มีการแบ่งแยกพิมพ์ที่ชัดเจน  เพราะพระรุ่นนี้แต่ละองค์มี รายละเอียดที่คล้ายกัน แต่ได้มีการอาศัยจุดตำหนิบางอย่างที่เด่นชัดตั้งชื้อพิมพ์ อย่างเช่น องค์นี้เรียกว่า พิมพ์คอชีด เล่นหาเป็นพิมพ์นิยม มีตำหนิเป้นเส้นติ่ง ที่ข้างคอ สังเกตว่าพิมพ์นี้องค์พระมี ใบหน้าอูมใหญ่ เม็ดตา จมูกปาก หล่อติดชัด มีเท้าหน้าใหญ่ กลีบบัวใหญ่ ส่วนเส้นติ่งที่ข้างคอ เป็นตำหนิจาก บล็อก

**** รายละเอียดบทความที่เห็นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของหนังสือ หลวงปู่ทวดองค์รวม ที่ผมคัดตัวอย่างมาแค่ส่วนเดียวเท่านั้นซึ่งในหนังสือเล่มนี้ยังมี ทั้งเนื้อว่าน เนื้อโลหะ เหรียญ เป็นภาพสีสวย ชี้จุดสังเกตทุกพิมพ์ทุกองค์..ส่วนท่านผู้อ่าน ที่สนใจดูรายละเอียดการสั่งซื้อ เพิ่มเติมได้ที่ Link ด้านล่างนี้ครับ.... หรือเบอร์ติดต่อ ร้าน Bookshop 083-075-0751 ครับ


หรือ ... 



วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

    
พระครูวิสัยโสภณ (ท่านอาจารย์ทิม) อดีตรเจ้าอาวาส วัดช้างให้ จ.ปัตตานี ได้จัดสร้างเหรียญหลวงปู่ทวดที่มีขนาดเล็กขึ้น เรียกว่า เหรียญม็ดแตงรวม 2 ครั้งในปี 2506 และปี 2508 ถือเป็นเหรียญรุ่นแรกของเหรียญเม็ดแตง สร้างเป็นแบบ หน้าผาก 3 เส้น หน้งสือเลยหูมีจำนวนไม่มากนัก และได้แจกหมดไปจากวัดในเวลาอันรวดเร็วห่างจากนั้นไม่กี่เดือนท่านอาจารย์ทิมก็ได้จัดสร้างเหรียญม็ดแตงขึ้นอีกครั้ง โดยสร้างเป็นแบบ หน้าผาก 4 เส้น หนังสือเลยหู
     เมื่อปี 2508 เหรียญหลวงพ่อทวดที่มีขนาดเล็กนี่ก็ได้สร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้มีบล็อกแม่พิมพ์มากกว่ารุ่นปี 2506 แต่ยังคงเอกลักษณ์ เหรียญขนาดเล็กแบบเม็ดแตง
      

การแบ่งบล็อกแม่พิมพ์เหรียญม็ดแตง หลวงพ่อทวด
รุ่นปี 2506
  • ·         บล็อกหน้าผาก 3 เส้น หนังสือเลยหู (พิมพ์มีเม็ดตา 2 ข้าง มีเม็ดตาข้างเดียว และไม่มีม็ดตา) 
  • ·         บล็อกหน้าผาก 3 เส้น (พิมพ์วงเดือน) 
  • ·         บล็อกหน้าผาก 3 เส้น (พิมพ์จิ๋ว)
  • ·         บล็อกหน้าผาก  4 เส้น หนังสือเลยหู (มีเนื้อเกินที่หน้าผากและไม่มีเนื้อเกิน)
รุ่นปี 2508
  • ·         บล็อกปีกกา
  • ·         บล็อกปีกกาหัวขีด (ซ้าย) และหัวขีด(ขวา)
  • ·         บล็อก ณ แตก หนังสือเลยหู
  • ·         บล็อก ณ แตก หูขีด
  • ·         บล็อก ณ แตก ไม้โททะลุซุ้ม
  • ·         บล็อก ณ แตก ไม้หันอากาศทะลุซุ้ม
  • ·         บล็อก ณ แตก หน้าแว่น
  • ·         บล็อก ณ แตก ธรรมดา
  • ·         บล็อกสายฝน (ไม้มลาย)
  • ·         บล็อกวงเดือน
  • ·         บล็อกธรรมดา
ที่จะนำเสนอต่อไปนี้เป็น พิมพ์ หน้าผาก 4 เส้น หนังสือเลยหู ปี 2506 เนื้ออัลปาก้า
     เหรียญเม็ดแตง หลวงปู่ทวด เป็นพระเครื่องหลวงปู่ทวดอีกพิมพ์ที่ความนิยมปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และแรงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "พิมพ์หน้าผาก 4 เส้น หนังสือเลยหู " ถือเป็นราชาแห่งเม็ดแตง เหรียญเนื้ออัลปากัา ชุบนิเกิลบางเหรียญมีตำหนิเป็นเนื้อเกินเหรียญที่ปั๊มในช่วงหลังซึ่งบล็อกชำรุดมีตำหนิส่วนด้านหลังเหรียญมีทั้งแบบปั๊มเขยื้อน และ ไม่เขยื้อน


*** ยังมี บล็อก อื่นๆหรือพิมพ์ อื่นๆอีกมากมาย แน่นอนที่สุดภาพสวยคมชัด ,ภาพขอบตัดของเหรีญ ดูแล้วสบายตาครับ ... แนะนำหนังสือ เหรียญหลวงปู่ทวด เล่ม 2 ไม่ว่าจะเป็นเม็ดแตง ที่นำเสนอแล้ว ยังมีเหรียญ เลื่อนสมณศักดิ์ ปี08 , เหรียญใบสาเก , พิมพ์ซุ้มกอ , พิมพ์ห้าเหลี่ยม , พุทธซ้อนใหญ่ , พุทธซ้อนเล็ก , หน้าเลื่อน หลังสถูป , หลวงปู่ทวด รุ่น 4 ปี 2505 (มีทุกบล็อก) 
http://bookshopthai.lnwshop.com/product/40/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%94-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%87-0608











Link ข้างล่างนี้  ครับ Facebook : Bookshop  หรือ http://bookshopthai.lnwshop.com/

http://bookshopthai.lnwshop.com/



วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

พระขุนแผนผงพรายกุมาร รุ่นแรก หลวงพ่อสาคร ปี 2530

มวลสารของพระผงพรายกุมาร รุ่นแรกหลวงพ่อสาคร ได้แก่ “ ผงพรายกุมารตกทอดมาสมัยหลวงปู่ทิม ผงนะอกแตก ผงปถมัง ผงว่านเมตตามหาเสน่ห์ ผงจินดามณี ผงธูปกรรมฐาน น้ำผึ้งเสก น้ำมันลูกประคำ น้ำมันเสกระเบิดปี 03 ผงหวายลูกนิมิตปี 17 รวมกับว่านมงคลต่างๆ ที่หลวงพ่อสาครเก็บรวบรวมไว้ “
ด้านหน้าองค์พระมีทั้งแบบ ทาทองบรอนซ์และไม่ทาทอง ส่วนด้านหลังลงยันต์ “ นะอกแตก” แล้วฝั่งตะกรุดซึ่งมีทั้ง “ ตะกรุดทองคำ เงิน และทองแดง “ ปัจจุบัน (ธ.ค.57) พระขุนแผนผงพรายกุมาร รุ่นแรก หลวงพ่อสาคร มีสนนราคาเช่าบูชา “ หลายหมื่นจนถึงแสน “

     พระขุนแผนผงพรายกุมาร พิมพ์ใหญ่ มีจำนวนการสร้างดังนี้ ตะกรุดทองคำ ทาทอง 108 องค์ ตะกรุดทองคำ ไม่ทาทอง 108 องค์ ตะกรุดเงิน ทาทอง 500 องค์ ตะกรุดทองแดง ทาทอง 1000 องค์ ตะกรุดทองแดง ไม่ทาทอง 1000 องค์


***ขอบคุณหนังสือ :รวบรวมวัตถุมงคลหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ 

http://bookshopthai.lnwshop.com/product/28/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A











*** แนะนำ ร้านBookshop มีสินค้ามากมายให้เลือก...ครับ 
http://bookshopthai.lnwshop.com/category/2/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0-amulet-book


วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558


เหรียญหลวงพ่อเดิม รุ่นแรก เนื้อทองแดง พ.ศ. 2470

เหรียญเสมาหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์รุ่นแรกปี พ.ศ.2470 พระครูนิวาสธรรมขันธ์ หรือหลวงพ่อเดิมพุทธลโร ผู้ได้รับสมญานามยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งเมืองสี่แควสุดยอดพระเกจิอาจารย์ในดวงใจของคนไทยและในวงการพระเครื่องอีกองค์หนึ่งที่พระเครื่องของขลังวัตถุมงคลทุกชนิดของท่านมีชื่อเสียงโด่งดังก้องฟ้าเมืองไทยและได้รับความนิยมสูงมากๆในปีพ.ศ.2470 อันเป็นปีที่เกียรติคุณชื่อเสียงของท่านขจรกระจายไปทั่วประเทศและจังหวัดนครสวรรค์ลูกศิษย์ลูกหาไปมาหาท่านที่วัดหนองโพธิ์ ต่างอยากให้ท่านสร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกคณะศิษย์ จึงพร้อมใจกันขออนุญาติสร้างเหรียญรุ่นแรกขึ้นโดยแบ่งออกเป็น 2 พิมพ์
1.       เหรียญพิมพ์เสมาเป็นศิษย์สายกรุงเทพสร้าง
2.       เหรียญแมงกะบี้ เป็นศิษย์สายนครสวรรค์สร้าง
เหรียญเสมาด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อนั่งสมาธิบนธรรมมาสน์ด้านบนมีอักขระยันต์มหาอุต ธังอะโธมีความว่า หลวงพ่อพระครูเดิมวัดหนองโพธิ์ด้านหลังเป็นอักขระยันต์สองแถว แถวบนคือ นะโมพุทธายะแถวล่าง อิระชาคะตะระสาและพ.ศ. 2470 มีจำนวนสร้างน้อยมาก


Link แนะนำหนังสือ รวบรวมวัตถุมงคล หลวงพ่อเดิม
http://bookshopthai.lnwshop.com/product/37/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A1-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%9E











ร้าน Bookshop มีสินค้าอื่นๆ อีกมากมาย ตามLinkด้านล่างนี้ครับ...



วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ (ศิษย์เอกผู้สืบทอดพุทธาคม หลวงปู่ทิม อิสริโก)


จำหน่ายหนังสือ รวบรวมวัตถุมงคล หลวงพ่อสาคร รุ่นกำลังมาแรง ข้อมูลการสร้าง ชี้จุดสังเกต

*** ราคา 220 บาท. รวมค่าจัดส่งแล้ว ****
*** จำนวนหน้า 110 หน้า (ภาพสีทั้งเล่ม)
*** หนังสือมีจำนวนจำกัด
*** หนังสือใหม่
*** รูปแบบการส่ง :: EMS

## การชำระเงิน ##
....เบอร์ติดต่อ 083-0750751

ธนาคาร กสิกรไทย สาขาบางขุนนนท์ 753-214-0549 นพดล วัฑฒนะพงศ์

(แจ้ง การชำะระเงิน และ ที่อยู่ในการจัดส่ง มาที่ เบอร์โทรผม หรือ SMS ตรวจสอบแล้วจะส่งสินค้าวันถัดไป แล้วจะแจ้งให้ลูกค้าทราบ พร้อมหมายเลข EMS จากไปรษณีย์)

 







แนะนำ หนังสือพระเครื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
http://bookshopthai.lnwshop.com/category/2/หนังสือพระ-amulet-book




สินค้าแนะนำ : กล้องติดรถยนต์ คุณภาพ Full HD รับประกัน 1 ปี (ของแท้) เมนูภาษาไทย

 http://bookshopthai.lnwshop.com/product/27/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-full-hd-gr650w-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%89
http://bookshopthai.lnwshop.com/product/27/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-full-hd-gr650w-%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%89